รู้หรือไม่ท้องผูกบ่อยเสี่ยงมะเร็งลำไส้
ปัจจุบันพบผู้ป่วยมะเร็งลำไส้ใหญ่ติดอันดับTop5 ของไทย
ผู้ป่วยส่วนใหญ่มักพบเมื่อมีอาการแล้ว
อาการที่บ่งชี้ถึงมะเร็งลำไส้ใหญ่ ได้แก่
เลือดในอุจจาระ: เลือดสดหรือดำในอุจจาระ หรือเลือดผสมในอุจจาระ
อาการปวดท้อง: ปวดท้องเรื้อรังหรือปวดท้องเฉียบพลัน
การเปลี่ยนแปลงในการขับถ่าย: การเปลี่ยนแปลงในลักษณะหรือความถี่ของอุจจาระ เช่น ท้องเสียหรือท้องผูกที่เกิดขึ้นบ่อยครั้ง
รู้สึกไม่เต็มที่หลังจากการขับถ่าย: รู้สึกว่ามีอุจจาระตกค้างแม้หลังจากขับถ่ายเสร็จ
น้ำหนักลดลงโดยไม่ทราบสาเหตุ: น้ำหนักลดลงอย่างรวดเร็วโดยไม่มีการเปลี่ยนแปลงในอาหารหรือการออกกำลังกาย
อาการอ่อนเพลีย: รู้สึกเหนื่อยล้าและอ่อนเพลียโดยไม่ทราบสาเหตุ
อาการคลื่นไส้หรืออาเจียน: อาการคลื่นไส้หรืออาเจียนที่ไม่หาย
การมีอาการทางลำไส้ที่ไม่สบาย: เช่น อาการบวม, ท้องอืด, หรือการเคลื่อนไหวลำไส้ที่ไม่ปกติ
หากพบอาการเหล่านี้ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อการตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด การตรวจพบมะเร็งลำไส้ใหญ่ในระยะเริ่มต้นจะช่วยเพิ่มโอกาสในการรักษาและการฟื้นตัวที่ดีขึ้น
สาเหตุที่ทำให้เกิดมะเร็งลำไส้ใหญ่
1.พันธุกรรม ถ้าพบว่าพ่อแม่ ญาติพี่น้องสายตรงเคยมี ประวัติป่วยโรคมะเร็ง
2.เคยเป็นก้อนเนื้อในลำไส้ และถ้ามีมากก็มีความเสี่ยงสูง
3.ผู้ป่วยเบาหวานมีความเสี่ยงสูง
4.เคยป่วยลำไส้อักเสบเรื้อรัง
5.ผู้ที่อายุ 50 ปีขึ้นไป
6.ผู้ที่ชอบทานอาหารที่มีไขมันสูง
7.ผู้ที่ทานอาหารที่มีสารกระตุ้น เช่นอาหารปิ้งย่าง ของหมักดอง เป็นประจำ
8.ทานผักผลไม้ที่มีสารเคมีตกค้าง
9.ผู้ที่ดื่มสุรา และสูบบุหรี่
10.ผู้ที่เป็นโรคอ้วน
เมื่อพบว่ามีอาการเหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์การตรวจพบเร็ว
จะทำให้การรักษาเร็วขึ้น หากมีเชื้อมะเร็งก็จะเป็นการลดความเสี่ยง การรักษามะเร็งจะง่ายขึ้น
วิธีการตรวจคัดกรองหา.... มะเร็งลำไส้ใหญ่
การส่องกล้องลำไส้ใหญ่ (Colonoscopy): การใช้กล้องเล็กที่ติดกับท่อยาวเพื่อตรวจสอบภายในลำไส้ใหญ่และสามารถเก็บตัวอย่างเนื้อเยื่อ (biopsy) ได้
การตรวจลำไส้ใหญ่ด้วยการเอ็กซเรย์ (Virtual Colonoscopy): การใช้เทคโนโลยีการถ่ายภาพสามมิติด้วยการเอ็กซเรย์และการทำ CT สแกน เพื่อตรวจดูภายในลำไส้ใหญ่
การตรวจหาส่วนประกอบของเลือดในอุจจาระ (Fecal Occult Blood Test, FOBT): การตรวจหาเลือดที่ไม่สามารถมองเห็นได้ด้วยตาเปล่าในอุจจาระ
การตรวจ DNA ในอุจจาระ (Fecal DNA Test): การตรวจหา DNA ของเซลล์มะเร็งในอุจจาระ
การตรวจคลื่นเสียงสะท้อน (Sigmoidoscopy): การใช้กล้องเล็กตรวจสอบภายในลำไส้ใหญ่ส่วนล่างและทวารหนัก
การเลือกวิธีการตรวจคัดกรองขึ้นอยู่กับอายุ ประวัติสุขภาพ และปัจจัยเสี่ยงส่วนบุคคล ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเลือกวิธีที่เหมาะสมที่สุดสำหรับคุณ.
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่ (Colorectal cancer) ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและสภาพสุขภาพทั่วไปของผู้ป่วย โดยรวมแล้วการรักษามีดังนี้:
การผ่าตัด:
การผ่าตัดลำไส้ใหญ่: เพื่อนำเนื้องอกออกและอาจต้องตัดส่วนของลำไส้ใหญ่ที่มีเนื้องอก
การทำการผ่าตัดลำไส้: หากมีการแพร่กระจายไปยังอวัยวะอื่น เช่น ตับ หรือปอด อาจต้องผ่าตัดเพื่อเอาส่วนที่แพร่กระจายออก
การทำเคมีบำบัด (Chemotherapy):
ใช้ยาในการฆ่าเซลล์มะเร็งหรือยับยั้งการเจริญเติบโตของเซลล์มะเร็ง
มักใช้หลังการผ่าตัดเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็งที่อาจเหลืออยู่
การทำรังสีบำบัด (Radiation Therapy):
ใช้รังสีเพื่อฆ่าเซลล์มะเร็ง
มักใช้ในกรณีที่ไม่สามารถทำการผ่าตัดได้ หรือในกรณีที่มะเร็งลุกลามในท้อง
การรักษาด้วยยามุ่งเป้า (Targeted Therapy):
ใช้ยาเพื่อโจมตีเซลล์มะเร็งที่มีลักษณะเฉพาะหรือเป้าหมายทางชีวภาพ เช่น ยาที่ยับยั้งการเจริญเติบโตของหลอดเลือดใหม่ที่เลี้ยงเซลล์มะเร็ง
การรักษาด้วยภูมิคุ้มกันบำบัด (Immunotherapy):
กระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายให้จัดการกับเซลล์มะเร็ง
มักใช้ในกรณีที่มะเร็งมีการกลายพันธุ์ทางพันธุกรรมเฉพาะ
การดูแลประคับประคอง (Palliative Care):
มุ่งเน้นการบรรเทาอาการและปรับปรุงคุณภาพชีวิต
โดยไม่มุ่งเน้นการรักษาโรคเอง
การรักษามะเร็งลำไส้ใหญ่จะต้องพิจารณาเป็นรายบุคคลและตามความเหมาะสมกับระยะของโรคและความต้องการของผู้ป่วย
อีกหนึ่งทางเลือกเพื่อการดูแลสุขภาพ ด้วยศาสตร์การรวมตัวกันของสารอาหารงานวิจัยต่อยอดเป็นผลิตภัณฑ์
จากการศึกษาวิจัยในห้องปฏิบัติการทางชีวเคมี ในสัตว์ทดลองและในคน พบกลไกการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของหรือฤทธิ์ทางยา ของสารเซซามินsesamin
สรุปดังนี้
เซซามินSesamin เป็นสารธรรมชาติ ต้านอนุมูลอิสระและภาวะ Oxidative Stress
เซซามินSesamin ต้านการอักเสบ(Anti-inflammation)โดยพบว่าสามารถยับยั้งการขบวนการอักเสบได้ โดยการไปยับยั้งที่เอ็นไซม์ delta-5-desaturase นอกจากนั้นยังสามารถยับยั้งการสร้าง และออกฤทธิ์ของสารสื่ออักเสบ ชนิด Imterleukin-1 Beta และTumor Necrosis Factor-Alpha
เซซามินSesamin ช่วยลดทั้งการสังเคราะห์ และการดูดซึมสารโคเลตเตอรอล
เซซามินSesamin สามารถทำให้เซลล์มะเร็งเข้าสู่กระบวนการ Apoptosis หรือขบวนการทางชีวเคมีที่ทำให้เซลล์มะเร็งตาย
เซซามินSesami สามารถยับยั้งการลุกลาม หรือขบวนการAngiogenesis ของมะเร็งบางชนิดได้
เซซามินSesamin กระตุ้นให้มีการสร้างสาร Interleukin-2(IL-2)และ InterFeron-Gamma(IFN-Gamma)จากเม็ดเลือดขาว
เซซามินSesamin ช่วยดูแลระดับไขมันในเลือด
เซซามินSesamin ทำหน้าที่ช่วยเผาผลาญกรดไขมันผ่าน beta-Oxsidation
เซซามินSesamin ช่วยการทำงานของวิตามินE ชะลอวัย
เซซษมินSesamin ทานได้ต่อเนื่องปลอดภัย
การใช้สารอาหารบำบัด (nutritional therapy) สามารถเสริมสุขภาพได้หลายด้าน เช่น:
ปรับปรุงระบบภูมิคุ้มกัน: การรับสารอาหารที่สำคัญช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกัน และช่วยป้องกันการติดเชื้อ
เพิ่มพลังงาน: การได้รับสารอาหารที่เหมาะสมช่วยเพิ่มพลังงานและลดความรู้สึกอ่อนเพลีย
ส่งเสริมสุขภาพทางเดินอาหาร: การบริโภคไฟเบอร์และสารอาหารที่ช่วยในการทำงานของลำไส้
การควบคุมน้ำหนัก: การเลือกสารอาหารที่เหมาะสมช่วยควบคุมความหิวและการเผาผลาญ
ลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรัง: การได้รับวิตามินและแร่ธาตุที่จำเป็นสามารถลดความเสี่ยงจากโรคเรื้อรัง เช่น โรคหัวใจและมะเร็ง
การรับประทานอาหารที่หลากหลายและมีสมดุลเป็นกุญแจสำคัญในการใช้สารอาหารบำบัดอย่างมีประสิทธิภาพ.
สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม