นอนไม่หลับเรื้อรังมีเฮ
งานวิจัยร่วมกับศูนย์บริการวิชาการแห่งจุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
สารสกัดเรสเวอราทรอล ผงไวน์แดง และน้ำมันงา
งานวิจัยปลอดภัย หลับลึก
การนอนไม่หลับเรื้อรัง (chronic insomnia) อาจส่งผลกระทบอย่างร้ายแรงต่อสุขภาพร่างกายและจิตใจได้ในระยะยาว
หากไม่ได้รับการแก้ไขหรือรักษา ผลกระทบหลักๆ ที่อาจเกิดขึ้นได้ ได้แก่:
1.ปัญหาสุขภาพจิต: นอนไม่หลับเป็นเวลานานอาจนำไปสู่ความเครียด วิตกกังวล และซึมเศร้า ซึ่งอาจทำให้อาการเหล่านี้รุนแรงขึ้นได้
2.สมรรถภาพการทำงานลดลง: การนอนหลับไม่เพียงพอจะทำให้สมองทำงานไม่เต็มประสิทธิภาพ ซึ่งอาจส่งผลให้สมาธิ ความจำ และความสามารถในการแก้ปัญหาลดลง ทำให้มีประสิทธิภาพในการทำงานแย่ลง
3.ระบบภูมิคุ้มกันอ่อนแอ: ร่างกายต้องการการนอนหลับเพื่อซ่อมแซมและฟื้นฟูระบบต่างๆ การนอนไม่พออาจทำให้ภูมิคุ้มกันลดลง ทำให้เสี่ยงต่อการติดเชื้อและเจ็บป่วยได้ง่ายขึ้น
4.โรคเรื้อรัง: การนอนไม่หลับเป็นเวลานานจะเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคเรื้อรังต่างๆ เช่น ความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคหัวใจ และโรคหลอดเลือดสมอง
5.ปัญหาการเผาผลาญ: การนอนหลับไม่พอจะรบกวนการทำงานของระบบเผาผลาญ ซึ่งอาจนำไปสู่การเพิ่มน้ำหนักหรือปัญหาที่เกี่ยวข้องกับระบบเผาผลาญ
เช่น โรคเบาหวานประเภท 2
6.ความเสี่ยงในการเกิดอุบัติเหตุ: เมื่อร่างกายอ่อนเพลียจากการนอนไม่หลับ ความสามารถในการตอบสนองจะลดลง ซึ่งอาจทำให้เกิดอุบัติเหตุได้ง่าย โดยเฉพาะในการขับรถหรือทำงานที่ต้องการความระมัดระวัง
7.ปัญหาด้านอารมณ์และการควบคุมอารมณ์: การนอนไม่พอทำให้อารมณ์แปรปรวนและควบคุมอารมณ์ได้ยากขึ้น ซึ่งอาจส่งผลต่อความสัมพันธ์กับผู้อื่น
ถ้าคุณมีปัญหาการนอนไม่หลับเรื้อรัง และ เพื่อป้องกันการเกิดปัญหาสุขภาพระยะยาว
ปรึกษาเราได้ค่ะเรายินดีให้คำแนะนำ
ปัญหาการนอนไม่หลับสามารถเกิดจากหลายสาเหตุ ทั้งจากปัจจัยทางกายและจิตใจ
สาเหตุหลักๆ ของการนอนไม่หลับได้แก่:
1.ปัจจัยทางจิตใจและอารมณ์
- ความเครียด: ความเครียดจากการทำงาน การเงิน หรือปัญหาครอบครัว อาจทำให้จิตใจไม่สงบและนอนหลับยาก
- ความวิตกกังวล: คนที่มีความวิตกกังวลสูงมักจะมีปัญหานอนไม่หลับ เนื่องจากจิตใจไม่หยุดคิดหรือกังวลเรื่องต่างๆ
-โรคซึมเศร้า: ผู้ที่มีอาการซึมเศร้ามักมีปัญหานอนไม่หลับ หรือนอนมากเกินไป
-ปัญหาทางอารมณ์อื่นๆ: อารมณ์แปรปรวน หรือการควบคุมอารมณ์ได้ไม่ดี
อาจรบกวนการนอนหลับ
2. สภาพแวดล้อมในการนอน
-แสงสว่างและเสียงรบกวน: แสงหรือเสียงรอบข้างที่มากเกินไปอาจรบกวนการนอนหลับ
- อุณหภูมิที่ไม่เหมาะสม: ห้องนอนที่ร้อนหรือเย็นเกินไปอาจทำให้นอนไม่หลับ
- ที่นอนหรือหมอนที่ไม่เหมาะสม: ที่นอนแข็งเกินไป หรือหมอนที่ไม่เหมาะสมสามารถทำให้รู้สึกไม่สบายตัวและนอนไม่หลับได้
3.พฤติกรรมการนอน
-การนอนผิดเวลา: การนอนผิดเวลาหรือไม่สม่ำเสมอ อาจรบกวนระบบนาฬิกาชีวิต
ของร่างกาย ทำให้นอนไม่หลับ
- การดื่มคาเฟอีนหรือแอลกอฮอล์: เครื่องดื่มที่มีคาเฟอีน (เช่น กาแฟ น้ำอัดลม หรือชา)
และแอลกอฮอล์สามารถรบกวนการนอนหลับ ทำให้นอนหลับยากหรือนอนหลับไม่สนิท
-การรับประทานอาหารหนักก่อนนอน: การทานอาหารมื้อใหญ่ก่อนนอนอาจทำให้
ร่างกายทำงานหนักในการย่อยอาหารและทำให้นอนหลับยากขึ้น
4. ปัญหาสุขภาพร่างกาย
- ปัญหาสุขภาพต่างๆ: โรคเรื้อรัง เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ หรืออาการเจ็บปวด
เช่น ข้ออักเสบ หรือไมเกรน อาจทำให้ร่างกายไม่สบายและนอนหลับยาก
- ภาวะหยุดหายใจขณะหลับ: คนที่มีภาวะนี้จะมีการหยุดหายใจเป็นระยะๆ ขณะนอนหลับ ทำให้ตื่นขึ้นกลางดึกบ่อยครั้งและนอนไม่เพียงพอ
- ภาวะไทรอยด์ทำงานเกิน: ภาวะนี้ทำให้ระบบเผาผลาญของร่างกายทำงานมากขึ้น
ส่งผลให้ตื่นตัวและนอนหลับยาก
5.ปัจจัยทางการแพทย์หรือยาบางชนิด
- การใช้ยา: ยาบางชนิด เช่น ยาลดน้ำมูก ยากระตุ้น ยาลดความดัน
อาจมีผลข้างเคียงที่ทำให้นอนไม่หลับ
- โรคทางประสาทหรือระบบสมอง: โรคบางอย่างที่เกี่ยวข้องกับสมอง เช่น โรคพาร์กินสัน หรืออัลไซเมอร์ อาจทำให้การนอนหลับถูกรบกวน
6. พฤติกรรมการใช้เทคโนโลยีก่อนนอน
- การใช้โทรศัพท์หรือจอคอมพิวเตอร์: แสงสีฟ้าจากหน้าจอสามารถรบกวนการผลิตเมลาโทนิน ซึ่งเป็นฮอร์โมนที่ควบคุมการนอนหลับ ทำให้นอนหลับยากขึ้น
หากปัญหานอนไม่หลับเกิดขึ้นเป็นประจำและเริ่มส่งผลต่อการใช้ชีวิตประจำวัน ควรปรึกษาแพทย์หรือผู้เชี่ยวชาญเพื่อหาสาเหตุที่แท้จริงและแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
จะเกิดอะไรขึ้น หากคุณแก้ปัญหาการนอนไม่หลับด้วยการกินยานอนหลับ
การใช้ยานอนหลับอย่างต่อเนื่องโดยไม่มีคำแนะนำจากแพทย์อาจก่อให้เกิดผลข้างเคียงหลายประการ ดังนี้:
1. ติดยานอนหลับ: ยานอนหลับบางประเภทมีความเสี่ยงสูงที่จะทำให้เกิดการทานจนติด ซึ่งทำให้ต้องเพิ่มขนาดยามากขึ้นเรื่อย ๆ เพื่อให้ได้ผลเหมือนเดิม และอาจทำให้เลิกยาก
2. ดื้อต่อยา : การใช้ยานอนหลับเป็นเวลานานอาจทำให้ร่างกายเกิดความเคยชินต่อยา ทำให้ยามีประสิทธิภาพลดลง ซึ่งอาจทำให้ต้องเพิ่มขนาดยาเพื่อให้ได้ผลลัพธ์เช่นเดิม
3. อาการข้างเคียงทางกายภาพ: เช่น เวียนศีรษะ ปวดศีรษะ มึนงง ท้องผูก ปากแห้ง อารมณ์เปลี่ยนแปลง และอาจมีผลต่อความทรงจำ
4. อาการง่วงซึมในระหว่างวัน: ยานอนหลับบางชนิดอาจส่งผลให้ง่วงในระหว่างวัน รู้สึกอ่อนเพลีย ทำให้ประสิทธิภาพในการทำงานลดลง
5. ปัญหาในการนอนหลับตามธรรมชาติ: หากใช้ยานอนหลับเป็นระยะเวลานาน ร่างกายอาจพึ่งพายาและทำให้เกิดปัญหานอนไม่หลับหากหยุดยา หรือมีอาการถอนยา
6. ภาวะซึมเศร้าและความวิตกกังวล: การใช้ยานอนหลับอย่างต่อเนื่องอาจส่งผลต่อ สภาวะอารมณ์ เช่น มีความวิตกกังวลหรือซึมเศร้าเพิ่มขึ้นได้
หากมีการใช้ยานอนหลับควรอยู่ในคำแนะนำและการติดตามผลของแพทย์เพื่อหลีกเลี่ยงปัญหาที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว
สารสกัดจากผงไวน์แดงช่วยการนอนหลับไ้ดีขึ้น
อ่านข้อมูลเพิ่มเติม
มีคำกล่าวว่า ยาที่ดีที่สุดคือ "การนอนหลับ"
เรสเวอราทรอล (Resveratrol) เป็นสารที่พบในผิวขององุ่นแดง เปลือกถั่วลิสง และผลไม้หลายชนิด มีคุณสมบัติเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดการอักเสบและชะลอความเสื่อมของเซลล์ นอกจากนี้ยังส่งผลดีต่อการนอนหลับได้ในหลายๆ ด้าน เช่น
1.ปรับสมดุลระบบนาฬิกาชีวภาพ (Circadian Rhythm): เรสเวอราทรอล สามารถกระตุ้นการทำงานของโปรตีนที่เกี่ยวข้องกับนาฬิกาชีวภาพในร่างกาย ซึ่งมีบทบาทในการควบคุมเวลาการนอนหลับและการตื่น ส่งผลให้มีการนอนหลับที่ดีขึ้นและสม่ำเสมอขึ้น
2.ลดความเครียดและการอักเสบ: เรสเวอราทรอลช่วยลดระดับคอร์ติซอล ซึ่งเป็นฮอร์โมนความเครียด การลดความเครียดนี้สามารถทำให้รู้สึกผ่อนคลายและช่วยให้หลับง่ายขึ้น นอกจากนี้ยังมีคุณสมบัติช่วยลดการอักเสบในสมอง ซึ่งเป็นอีกสาเหตุหนึ่งที่อาจทำให้เกิดปัญหาการนอนหลับ
3.เพิ่มระดับสารสื่อประสาทที่เกี่ยวกับการนอนหลับ:
เรสเวอราทรอล มีผลในการกระตุ้นการผลิตสารสื่อประสาท
อย่างเช่น กาบา (GABA) ซึ่งช่วยให้ร่างกายรู้สึกสงบ
และผ่อนคลายมากขึ้น
การรับประทานเรสเวอราทรอลในรูปแบบอาหารเสริม
อาจช่วยในการนอนหลับได้ดีขึ้น ปรึกษาและสอบถาม