จากเมล็ดงา สู่งานวิจัยทรงคุณค่า
"สารสกัดเซซามิน"
นวัตกรรมผลิตภัณฑ์เพื่อสุขภาพที่ดีของมนุษยชาติ
โรคทุกโรคเกิดจากการอักเสบ ซึ่งเป็นสาเหตุหลักทั้งสิ้น คนส่วนใหญ่ไม่ค่อยนึกถึงเรื่องการป้องกันเราไม่ดูแลสุขภาพกันเลย
ในแต่ละวันเราไม่เคยสนใจว่ากินอาหารครบ 5 หมู่หรือไม่ คนส่วนใหญ่จะหาเงินเพื่อซื้อของนอกกายแต่
เมื่อร่างกายป่วยแล้วค่อยไปโรงพยาบาลให้หมอรักษา เราต้องเปลี่ยนทัศนคติตรงนี้ใหม่
ต้องบอกว่าเราต้องรีบดูแลสุขภาพตั้งแต่วันนี้ก่อนจะสายไป คุณทำงานจนอายุ50-60 ปีมีบ้านมีรถ
มีสิ่งที่ต้องการแต่พอคุณจะไปเที่ยวก็ไปไม่ไหวเสียแล้ว แต่ถ้าบางคนดูแลสุขภาพตัวเองตลอด
แม้เขามีเงินเพียง 1 ล้านเขาก็ใช้เงินคุ้มกว่าคุณที่มี 100 ล้าน ดูแลสุขภาพตั้งแต่ตอนนี้กันดีกว่า
โรคข้อเสื่อมเกิดจากการเสื่อมสภาพของกระดูกอ่อนที่หุ้มข้อกระดูก ซึ่งทำให้กระดูกบริเวณข้อเสียดสีกันโดยตรง และก่อให้เกิดอาการปวด บวม ข้อฝืด และข้อติด ในผู้ป่วยบางรายอาจเกิดการอักเสบเพิ่มเติม
สาเหตุหลักของโรคข้อเสื่อม ได้แก่:
1. **อายุที่เพิ่มขึ้น**: กระดูกและข้อเสื่อมตามธรรมชาติเมื่ออายุมากขึ้น
2. **น้ำหนักเกิน**: น้ำหนักตัวที่มากเกินไปทำให้ข้อเข่าและข้อสะโพกรับภาระมากขึ้น
3. **การใช้ข้อหนัก**: เช่น การทำงานที่ต้องยกของหนัก หรือลงน้ำหนักข้อเข่ามากเกินไปเป็นเวลานาน
4. **บาดเจ็บที่ข้อ**: การบาดเจ็บที่เกิดกับข้อในอดีตอาจเพิ่มโอกาสเสี่ยงต่อการเกิดข้อเสื่อม
5. **กรรมพันธุ์**: หากมีประวัติครอบครัวเป็นโรคข้อเสื่อมก็มีโอกาสเสี่ยงเพิ่มขึ้น
6. **การอักเสบของข้อ**: อาการอักเสบของข้ออาจเร่งให้ข้อเสื่อมเร็วขึ้น
การดูแลรักษาโรคข้อเสื่อมมักมุ่งเน้นไปที่การลดอาการปวด การฟื้นฟูการเคลื่อนไหว และการป้องกันการเสื่อมสภาพเพิ่มเติม เช่น การออกกำลังกายที่เหมาะสม การควบคุมน้ำหนัก และการรับประทานอาหารที่ดีต่อสุขภาพ
โรคข้อเสื่อมจัดเป็นโรคข้อเรื้อรังชนิดหนึ่ง เกิดจากความเสื่อมของร่างกายทำให้เกิดความไม่สมดุลในการสร้าง การทำลายและการซ่อมแซมภายในข้อ เกิดการทำลายกระดูกอ่อนผิวข้ออย่างช้าๆทำให้ผิวกระดูกอ่อนสึกกร่อน กระดูกใต้กระดูกอ่อนหนาตัวเกิดกระดูกงอกทั้งตรงกลางและริมกระดูก
และเยื่อบุผิวข้อสร้างน้ำไขข้อลดลงผลจากการเปลี่ยนแปลงเหล่านี้ทำให้ข้อฝืด ใช้งานข้อไม่คล่อง มีเสียงดังในข้อปวดหรือเสียวในข้อโดยเฉพาะเวลาเคลื่อนไหวหรือใช้งานข้อมากกว่าปกติโรคข้อเสื่อมเป็นโรคข้อที่พบบ่อยที่สุดโดยเฉพาะผู้หญิงตั้งแต่อายุ 40 ปีขึ้นไป และผู้ชายอายุตั้งแต่ 80 ปีเป็นโรคที่ก่อให้เกิดความพิการทั้งทางตรงและทางอ้อมจึงเป็นโรคที่สำคัญทางสาธารณสุขมากที่สุดโรคหนึ่ง
1. ปัจจัยทั่วไป (constitutional factors) เช่น พันธุกรรม เพศ อายุที่มากขึ้น น้ำหนักตัว
เพศ เพศหญิงมีโอกาสเกิดข้อเสื่อมมากกว่าเพศชายถึง 2 เท่า โดยเฉพาะผู้หญิงที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไปหรือช่วงวัยหมดประจำเดือนเนื่องจากขาดฮอร์โมนเพศเอสโตรเจน (estrogen) ส่งผลให้เซลล์กระดูกอ่อนที่มีตัวจับกับฮอร์โมนเพศหญิงทำงานน้อยลงทำให้การสร้างโปรติโอไกลแคน (proteoglycan) ที่ใช้ซ่อมแซมเซลล์กระดูกอ่อนลดลงอย่างไรก็ตามพบว่าหญิงวัยหมดประจำเดือนที่ได้รับยาฮอร์โมนเอสโตรเจนทดแทนจะช่วยลดโอกาสเกิดข้อเข่าและข้อสะโพกเสื่อมได้3
อายุ โดยพบว่ามากกว่าร้อยละ 80 ของผู้ที่มีอายุมากกว่า 75 ปีจะเป็นโรคข้อเสื่อมถ้านำผู้สูงอายุกลุ่มดังกล่าวมาถ่ายภาพเอกซเรย์ก็จะพบข้อเสื่อมทุกรายแต่จะมีอาการหรือไม่นั้นก็ขึ้นกับปัจจัยอื่นอีก จากการศึกษาพบว่าเมื่ออายุมากขึ้นการตอบสนองต่อสารกระตุ้นการเจริญเติบโต (growth factor) จะลดลง การสังเคราะห์โปรติโอไกลแคนไม่สมบูรณ์ร่างกายมีโปรตีนเชื่อมต่อน้อยลงนอกจากนี้อายุที่มากขึ้นยังทำให้เซลล์กระดูกหมดอายุขัยเร็วขึ้นด้วย รวมถึงการสร้างและการซ่อมแซมเซลล์กระดูกอ่อน (chondrocyte) ลดลง
ความอ้วน บุคคลที่มีน้ำหนักมากหรือมีค่าดัชนีมวลกาย (body mass index, BMI) สูงกว่าปกติจะมีโอกาสเสี่ยงต่อโรคข้อเข่าเสื่อมเพิ่มขึ้นเนื่องจากข้อเข่าเป็นจุดรับน้ำหนักของร่างกายเมื่อน้ำหนักเพิ่มขึ้นแรงที่กดลงบนผิวข้อก็จะเพิ่มขึ้นและเนื่องจากข้อเข่าเป็นข้อที่ใช้ในการทรงตัวมากที่สุดดังนั้นเมื่อใช้งานข้อเข่าอย่างหนักเช่นขึ้นลงบันไดมาก แบกของหนักจะยิ่งเพิ่มแรงกดลงที่ข้อเข่า และน้ำหนักที่มากเกินไปยังมีผลต่อท่าทางการเดินทำให้เข่าโก่งออกทำให้เวลาเดินจะเจ็บข้อและเกิดการอักเสบ
2. ปัจจัยเฉพาะที่ (local adverse mechanical factors) เช่น ตำแหน่งของข้อ การบาดเจ็บที่ข้อ
ตำแหน่งของข้อแต่ละข้อ มีผลมากเนื่องจากเป็นบริเวณที่ต้องรับน้ำหนัก เช่น ข้อเข่า ข้อเท้า ข้อนิ้วหัวแม่เท้า ข้อ
สะโพกและแต่ละข้อมีเอนไซม์และการตอบสนองต่อการอักเสบต่างกัน สารที่เกี่ยวข้องกับการอักเสบที่สำคัญก็คือสารไซโตไคน์ (cytokine) โดยจะพบว่าที่เซลล์กระดูกอ่อนข้อเข่ามีตัวรับไซโตไคน์ ชนิดอินเตอร์ลิวคิน 1 (interleukine 1, IL- 1) และเอนไซม์ MMP-8 มากกว่าที่ข้อเท้าดังนั้นข้อเข่าจึงมีโอกาสเสื่อมมากกว่าที่ข้อเท้า
การบาดเจ็บ คือจุดเริ่มต้นของข้อเสื่อมโดยอาจเริ่มจากบาดเจ็บเล็กน้อยและซ้ำๆซึ่งใช้ระยะเวลานานพอสมควรกว่าจะกลายเป็นข้อเสื่อมการบาดเจ็บจึง ทำให้หลอดเลือดที่ไปเลี้ยงภายในข้อลดลง ทำให้สารอาหารถูกดูดซึมเข้ามาใช้ซ่อมแซมได้น้อยลง
และอาจเกิดรอยร้าวเล็กๆ (microfracture) ที่บริเวณรอยต่อระหว่างกระดูกกับกระดูกอ่อนและมีหินปูนมาจับบริเวณรอยต่อดังกล่าว (subchondral bone sclerosis หรือ spur หรือ osteophyte)
นอกจากนี้อาจพบโพรงน้ำภายในกระดูกที่อยู่ภายใต้กระดูกอ่อน (subchondral bone cyst) สิ่งเหล่านี้จะทำให้ความยืดหยุ่นของข้อลดลง รับแรงกระแทกได้น้อยลงเมื่อเป็นเรื้อรังก็จะทำให้โครงสร้างของข้อผิดรูปไปจากปกติ
และทำให้มีอาการปวดรวมถึงมีปัญหาในการใช้งานข้อนั้นๆด้วย
กระดูกก็เหมือนเสาเข็ม ตอกไม่ลึกตึกก็ถล่ม
ที่จริงแล้วการอักเสบเป็นกลไกที่จำเป็นในร่างกายเรา แต่ต้องมีอยู่ในระดับที่พอเหมาะที่ร่างกาย
สามารถควบคุมการอักเสบนั้นได้
เซซามิน(Sesamin)จะทำหน้าที่ควบคุมการอักเสบได้อย่างดี ด้วยการไปยับยั้ยสารบางอย่างในเซลล์ซึ่ง
ร่างกายผลิตขึ้นมาเองเพื่อต่อต้านสิ่งแปลกปลอม แต่บังเอิญมันมีมากเกินไปจึงทำให้เกิดการอักเสบขึ้นในเซลล์
ที่ศูนย์วิจัยที่มีความเป็นเลิศทางด้านวิสวกรรมเนื้อเยื่อและเซลล์ต้นกำเนิด
คณะแพทย์ศาสตร์มหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ได้ทำการศึกษาวิจัยเรื่องผลของ
เซซามิน(SESAMIN) ต่อการยับยั้งการเสื่อมสลายของกระดูกอ่อนที่ถูกกระตุ้นด้วยสารสื่ออักเสบ interluekin-1 beta โดยทำการศึกษาทั้งในชิ้นกระดูกอ่อน (cartilage explant model) ในเซลล์กระดูกอ่อนของคน(human chondrocyte)และในสัตว์ทดลอง
โรคข้อเสื่อม (Osteoarthritis หรือ OA) เป็นรูปแบบที่พบมากที่สุดของโรคข้ออักเสบ โดยเกิดจากการเสื่อมของกระดูกอ่อน
ซึ่งเป็นเนื้อเยื่อที่รองรับข้อต่อ เมื่อกระดูกอ่อนเสื่อมลงจะทำให้เกิดอาการปวด บวม และเคลื่อนไหวข้อต่อลำบาก ปัจจัยที่ทำให้เกิดข้อเสื่อม ได้แก่ อายุ การบาดเจ็บที่ข้อ ภาวะน้ำหนักเกิน และพันธุกรรม.
งานวิจัยจากสถาบันที่น่าเชื่อถือ เช่น **Arthritis Foundation** มุ่งเน้นไปที่การพัฒนาวิธีรักษาโรคข้อเสื่อม โดยได้สนับสนุนงบประมาณกว่า 12 ล้านเหรียญสหรัฐให้กับ 15 สถาบันตั้งแต่ปี 2018 เพื่อค้นหาชีวะมูล (biomarkers) ใหม่ ๆ และพัฒนายาใหม่ที่อาจสามารถชะลอการเสื่อมของข้อและกระดูกได้.
นอกจากนี้ งานวิจัยอื่น ๆ ยังเน้นไปที่กระบวนการที่ทำให้เซลล์สร้างกระดูกในข้อต่อที่มีข้อเสื่อมทำงานผิดปกติ ซึ่งส่งผลให้กระดูกใต้กระดูกอ่อนบางลงและทำให้ข้อเสื่อมยิ่งแย่ลง งานวิจัยเกี่ยวกับการแพทย์ฟื้นฟู (Regenerative Medicine) ได้แสดงให้เห็นว่าการกระตุ้นทางกล (Mechanical Stimulation) สามารถช่วยฟื้นฟูสุขภาพของกระดูกอ่อนได้【12source】【13source】.
หากสนใจงานวิจัยเพิ่มเติม สามารถติดตามจากแหล่งข้อมูลของสถาบันที่เชื่อถือได้ เช่น **Arthritis Foundation** หรือวารสารทางวิทยาศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับโรคข้อและกระดูก
หรือสอบถามข้อมูลงานวิจัยเชียงใหม่ กดลิงค์ไลน์เพิ่มเพื่อนสอบถามได้เลยนะค่ะ
จากผลงานวิจัยของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่
ศูนย์วิศวกรรมเนื้อเยื่อและเซลล์ต้นกำเนิด
พบว่าสารสกัดงาดำที่ชื่อ เซซามิน(SESAMIN)
สามารรถลดการพัฒนาของเซลล์สลายกระดูกให้ทำงานน้อยลง
และไปส่งเสริมให้เซลล์สร้างกระดูกทำงานได้ดีขึ้น
โรคกระดูกพรุนพบมากในหญิงวัยหมดประจำเดือน
สาเหตุ...เกิดจากการทำงานของเซลล์กระดูกที่ผิดปกติ
โดยเซลล์ที่ทำหน้าที่สร้างกระดูก(Osteoblast) ทำหน้าที่ลดลง
ขณะที่เซลล์ที่ทำหน้าที่สลายกระดูก(Osteoclast)ทำงานมากขึ้น
ผลวิจัยพบว่า สารสกัดเซซามินSESAMIN เพิ่มความสามารถของเซลล์ Osteoblast
ในการสร้างเนื้อเยื่อกระดูกได้อย่างชัดเจน และได้รับการตีพิมพ์ลงในวารสารนานาชาติเรียบร้อยแล้ว
หลังจากที่ประสบความสำเร็จในงานวิจัย สารสกัดงาดำเซซามิน(SESAMIN)
เป็นข่าวโด่งดังรักษากระดูกพรุน ข้อเสื่อมได้
จึงจดสิทธิบัตรเป็นจ้าวแรก เราเป็นงานวิจัยต้นน้ำตัวจริง และ เป็นข่าวโด่งดังทั่วโลก