#โรคมะเร็งตับ #ไวรัสตับอักเสบ #ไขมันพอกตับ #ตับอักเสบ
โรคมะเร็งตับ เสียชีวิตมากที่สุด อันดับ 1 ในเพศชาย และอันดับที่5 ในเพศหญิง
คุณมีความเสี่ยงอยู่หรือไม่? มาเช็คอาการกันค่ะ
6 อาการมะเร็งตับ
อึดอัด แน่นท้อง
น้ำหนักลดลงรวดเร็วผิดปกติ
ปวดท้องด้านบน ฝั่งขวา
หายใจเหนื่อยหอบ อ่อนเพลีย
คันตามตัวและผิวหนัง
ตาเหลือง ตัวเหลือง
รู้จักไวรัสตับอักเสบ มีทั้งหมด 5 ชนิด
คือไวรัสตับอักเสบ A B C D และ E
ไวรัสตับอักเสบ A (HAV):
แพร่กระจาย: อาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน
อาการ: ไข้, ปวดท้อง, ตัวเหลือง
ป้องกัน: วัคซีน
รักษา: หายเองได้
ไวรัสตับอักเสบ B (HBV):
แพร่กระจาย: เลือดและของเหลวในร่างกาย
อาการ: คล้าย HAV หรือไม่มีอาการ
ป้องกัน: วัคซีน
รักษา: บางคนหายเอง, บางคนต้องใช้ยา
ไวรัสตับอักเสบ C (HCV):
แพร่กระจาย: เลือด
อาการ: มักไม่มีอาการในระยะเริ่มต้น
ป้องกัน: ไม่มีวัคซีน
รักษา: ยาที่มีประสิทธิภาพสูง
ไวรัสตับอักเสบ D (HDV):
แพร่กระจาย: ต้องมี HBV อยู่แล้ว
อาการ: คล้าย HBV
ป้องกัน: วัคซีน HBV ช่วยป้องกัน
รักษา: ขึ้นอยู่กับการรักษา HBV
ไวรัสตับอักเสบ E (HEV):
แพร่กระจาย: อาหารหรือน้ำที่ปนเปื้อน
อาการ: คล้าย HAV
ป้องกัน: ไม่มีวัคซีน
รักษา: หายเองได้
แต่ไวรัสตับอักเสบที่น่ากลัวและควรระวังที่สุดคือ ชนิด C
ไวรัสตับอักเสบซี (HCV) เป็นไวรัสที่ทำให้เกิดการอักเสบของตับและสามารถนำไปสู่โรคตับเรื้อรังได้หากไม่ได้รับการรักษาอย่างทันท่วงที
ผลกระทบระยะยาวจากไวรัสตับอักเสบซีสามารถมีได้หลากหลายดังนี้:
ตับแข็ง (Cirrhosis): หากไวรัสตับอักเสบซีไม่ถูกควบคุม อาจทำให้ตับมีการอักเสบและทำลายเนื้อเยื่อตับอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้เกิดตับแข็ง ซึ่งเป็นภาวะที่เนื้อเยื่อตับถูกแทนที่ด้วยเนื้อเยื่อแผลที่ทำให้การทำงานของตับลดลง
มะเร็งตับ (Hepatocellular carcinoma): ตับแข็งที่เกิดจาก
ไวรัสตับอักเสบซีสามารถเพิ่มความเสี่ยงในการเกิดมะเร็งตับได้ การตรวจสอบและติดตามเป็นระยะ ๆ จะช่วยในการตรวจพบมะเร็งตับในระยะเริ่มต้น
ปัญหาตับอื่น ๆ: ในบางกรณี อาจพบภาวะแทรกซ้อนอื่น ๆ เช่น ความดันในหลอดเลือดดำในตับ (portal hypertension) ซึ่งอาจทำให้มีเลือดออกจากหลอดอาหารหรือหลอดเลือดดำในกระเพาะอาหาร
ปัญหาสุขภาพทั่วไป: อาการที่เกี่ยวข้องกับไวรัสตับอักเสบซีอาจทำให้รู้สึกเหนื่อยล้า, อ่อนเพลีย, มีปัญหาเกี่ยวกับการย่อยอาหาร หรือปวดท้อง
การรักษาและการตอบสนอง: หากได้รับการรักษาอย่างรวดเร็วและมีประสิทธิภาพ ไวรัสตับอักเสบซีสามารถถูกกำจัดออกจากร่างกายได้
การรักษามักใช้ยาต้านไวรัสที่สามารถช่วยควบคุมและกำจัดไวรัสได้ แต่ต้องติดตามผลการรักษาและสุขภาพตับอย่างต่อเนื่อง
ไวรัสตับอักเสบชนิด C (HCV) จึงมักถูกมองว่าน่ากลัวที่สุด เพราะมันสามารถทำให้เกิดโรคตับเรื้อรังและตับแข็งได้ ถ้าไม่ได้รับการรักษาที่เหมาะสม นอกจากนี้ ยังไม่มีวัคซีนป้องกันไวรัสนี้อีกด้วย.
การตรวจคัดกรองและการรักษาไวรัสตับอักเสบซีในระยะเริ่มต้นเป็นสิ่งสำคัญเพื่อลดความเสี่ยงและป้องกันความเสียหายที่อาจเกิดขึ้นในระยะยาว การปรึกษาแพทย์เพื่อรับคำแนะนำที่เหมาะสมและการติดตามสุขภาพตับเป็นสิ่งที่สำคัญค่ะ
ปัจจัยเสี่ยงที่ทำหใ้เกิดโรคมะเร็งตับ
มีหลายปัจจัยเสี่ยงที่ทำให้เกิดโรคมะเร็งตับได้ ดังนี้
การดื่มแอลกอฮอล์มากและดื่มเป็นประจำระยะเวลานาน
เคยติดเชื้อไวรัสตับอักเสบชนิดBหรือC
เป็นโรคไขมันในตับ
การสูบบุหรี่จัดเป็นประจำ
และทางพันธุกรรมถ้ามีคนในครอบครัวมีประวัติเป็นโรคมะเร็งตับ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อเฝ้าระวัง
วิธีรักษาโรคมะเร็งตับ
การรักษาโรคมะเร็งตับขึ้นอยู่กับระยของโรคและความรุนแรงของโรค
แพทย์จะวินิจฉัยวิธีรักษาที่แตกต่างกันไป
โดยมีวิธีรักษามะเร็งตับ 5 วิธีดังนี้
1.การรักษาแบบผ่าตัด(Surgery) แพทย์จะตัดตับส่วนที่มีเนื้อมะเร็งออก
2.การรักษาด้วยรังสี(Radiation Therapy) การใช้รังสีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งตับ
3.การรักษาด้วยเคมีบำบัด(Chemotherapy)การให้ยาเคมีเพื่อทำลายเซลล์มะเร็งที่ตับ
4.การรักษาแบบสัญกรรมตับ(Liver Transplantion) กรณีอยู่ในระยะเริ่มต้น อาจต้องมีการปลูกถ่ายตับ
5.การรักษาแบบเคมีบำบัดร่วมกับรังสี(Chemoradiation)คือการรักษาแบบผสมผสาน
การรักษาโรคมะเร็งตับอาจต้องใช้วิธีผสมผสานส่วนใหญ่ ทั้งนี้ขึ้นอยู่กับการวินิจฉัยของแพทย์
ควรทำอย่างไรเมื่อตรวจพบว่าเป็นโรคมะเร็งตับ
ควรทำตามคำแนะนำของแพทย์ผู้เชี่ยวชาญเพื่อทำแผนการรักษาและเข้ารับการรักษาถ้าการรักษาเริ่มต้นได้เร็วก็เป็นการเพิ่มโอกาสในการควบคุมการลุกลามได้ดีขึ้น
แต่ก็ต้องยอมรับผลข้างเคียงจากการรักษาด้วยเช่นกัน เช่น
ผลข้างเคียงจากการผ่าตัดอาจต้องรักษาแผล มีการอักเสบเจ็บและปวดการ
ผลข้างเคียงจากฉายรังสี ทำให้ผิวหนังแดง คลื่นไส้ มีอาการเหนื่อย อาจมีอาการร้อนภายในร่างกาย เจ็บที่ผิวหนัง อ่อนเพลีย
ผลข้างเคียงจากเคมีบำบัด อาการแตกต่างกันตามชนิดของตัวยา อาการทั่วไปอาเจียน อ่อนเพลีย ปวดศรีษะ มีแผลในปาก เบื่ออาหาร ท้องผูก
และผลข้างเคียงจากการรักษาแบบผสมผสานจะรุนแรงขึ้นตามตัวยานั้น เราจึงมีทางเลือก เป็นงานวิจัยนวัตกรรมโดย
ผลทดลองเรื่องสารเซซามิน(Sesamin)ในห้องปฏิบัติการพบว่า
เซซามินบริสุทธิ์ที่ไม่ละลายและแบบละลายน้ำได้นำมาใช้กับเซลล์
มะเร็งเต้านม และผู้ป่วยมะเร็ง ปกติเซลล์มะเร็งเป็นสิ่งแปลกปลอมที่เข้าสู่ร่างกาย และเม็ดเลือดขาวจะทำหน้าที่จัดการกับสิ่งแปลกปลอมนั้น
แต่เซลล์มะเร็งมีโมเลกุลที่เรียกว่า PD-L1 เป็นเกาะป้องกันตัวมันอยู่ จึงทำให้เม็ดเลือดขาวไม่สามารถเข้าไปฆ่าเซลล์มะเร็งได้
จากการทดสอบในห้องปฏิบัติการด้วยการเพาะเลี้ยงเซลล์มะเร็งเต้านมขึ้นมา และเมื่อฉีดสารเซซามินSesaminเข้าไปปรากฏว่าเซลล์มะเร็งมันฝ่อลงและหลุดออกจากกัน เนื่องจากสารเซซามินเข้าไปทำลายโมเลกุลPD-L1 หรือเกาะป้องกันเซลล์มะเร็งให้ลดลง
แล้วเซลล์เพชรฆาตหรือเซลล์เม็ดเลือดขาวก็สามารถเข้าไปทำลายเซลล์มะเร็งได้ และคณะทีมวิจัยก็สามารถบันทึกภาพขณะที่เซลล์มะเร็งถูกทำลายได้เป็นครั้งแรกของโลก จากการใช้สารเซซามินSesamin
ศ.ดร.ปรัชญา คงทวีเลิศ กล่าวว่า "ผมได้ทำวิจัยอีกหนึ่งเรื่องพบว่า สารเซซามินSesaminเข้าไปกระตุ้นระบบภูมิคุ้มกันของร่างกาย
เพื่อให้ภูมิคุ้มกันในร่างกายกำจัดเซลล์มะเร็งอีกทีหนึ่ง"
จะเห็นว่า กลไกการออกฤทธิของสารเซซามินเพื่อกำจัดมะเร็ง เป็นกระบวนการที่ครบวงจร
ขุดรากถอนโคนถึงต้นตอของมันเลยทีเดียว
คุณเคยได้ยินไหมว่า
"ในร่างกายมนุษย์มีหมอที่เก่งที่สุด และหมอที่เก่งที่สุดในร่างกายมนุษย์นั่นก็คือ ภูมิคัุมกัน"
สารสกัดเซซามินSesamin เข้าไปยับยั้งการทำงานของสารสื่ออักเสบชนิดIL-1 Beta โดยทีมนักวิจัยได้ทำการวิจัยในเซลล์กระดูกอ่อนที่กูกกระตุ้นด้วยIL-1 Beta และเซซามินSesamin โดยทำการศึกษาในระดับโมเลกุล พบว่าสารเซซามินสามารถเข้าไปยับยั้งการออกฤทธิ์ของสารสื่ออักเสบ ชนิดIL-1 Beta ได้ จึงทำให้มีการลดลงของเอ็นไซม์MMp13 ที่ไปย่อยสลายคอลลาเจนและสารโมเลกุลอื่นในกระดูกอ่อนได้อย่างชัดเจน
สารเซซามินเข้าไปลดปริมาณการสร้าง หรือ สังเคราะห์ของสารสื่ออักเสบชนิดInterleukin-1 Beta และ Tumor Necrosis Factor-Alpha ได้ ผลจากการศึกษาวิจัย
โดยการกระตุ้นเม็ดเลือดขาว ด้วยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1ซึ่งเป็นผลทำให้มีการหลั่งสารสื่ออักเสบเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อได้รับสารเซซามินSesamin ร่วมด้วย ปรากฏว่ามีการหลั่งสารสื่ออักเสบชนิด IL1-Betaลดลงอย่างชัดเจน ดังภาพแสดงในกราฟ
เมื่อทำการศึกษาวิจัยในอาสามัคร โดยให้กินแคปซูลงาดำ รำข้าวสีนิลและแป้งข้าวหอมมะลิ ที่ผ่านกระบวนการนึ่งพิเศษ ขนาดบรรจุ 500 mg.จำนวน 2 แคปซูลตอนเช้าและตอนเย็น 2 แคปซูล เป็นระยะเวลา 15 วัน เพื่อทำการตรวจสอบการแสดงออกของยีนต์ที่สร้างสารชีวโมเลกุลชนิด Interleukin-2(IL-2)และInterferon Gamma ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลที่ผลิตขึ้นจากเม็ดเลือดขาว ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลปรากฏว่าสามารถเพิ่มของCytokinesทั้งสองชนิดในเลือดอาสาสมัครทุกคน ดังแสดงในกราฟ
และทำการทดลองในสัตว์ทดลอง โดยทำให้หนูมีเซลล์มะเร็งในตัว จากนั้นก็นำสารเซซามินSesamin ไปทดสอบปรากฏว่าเซลล์มะเร็งหายไป และเซลล์มะเร็งฝ่อลงเช่นกันเรียกได้ว่าทำให้ผู้ป่วยมะเร็งดีขึ้น
ศ.ดร.ปรัชญากล่าวว่า สารเซซามินSesamin ที่ได้จากงาดำถือว่ามีคุณประโยชน์มากมาย และยังช่วยให้อาการของผู้ป่วยมะเร็งดีขึ้นโดยการทานเสริมกับการรักษา แต่ไม่ใช่ทดแทนยา
ผลงานวิจัยประสบความสำเร็จเป็นครั้งแรกของโลกและได้รับการจดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว
เซซามินSesamin เข้าไปทำอะไรบ้างกับมะเร็งตับ
เซซามินSesamin ปิดกั้นการลุกลามของเซลล์มะเร็ง ลดการแพร่กระจาย
เซซามินSesaminยับยั้งการสร้างหลอดเลือดใหม่ที่จะนำสารอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็ง(อดอาหาร)
เซซามินSesamin ทำให้เซลล์มะเร็งมีอายุสั้นลง และเข้าสู่โปรแกรมCell death ไม่กลับมาเป็นอีก
เซซามินSesamin กระตุ้นให้มีการสร้างสารInterleukin-2(IL-2)และInterferon-Gammaจากเม็ดเลือดขาว เป็นการใช้ภูมิคุ้มกันจัดการเซลล์มะเร็ง
สรรพคุณเซซามินSesamin
จากการศึกษาวิจัยในห้องปฏิบัติการทางชีวเคมี ในสัตว์ทดลองและในคน พบกลไกการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของหรือฤทธิ์ทางยา ของสารเซซามินsesamin
สรุปดังนี้
เซซามินSesamin เป็นสารธรรมชาติ ต้านอนุมูลอิสระและภาวะ Oxidative Stress
เซซามินSesamin ต้านการอักเสบ(Anti-inflammation)โดยพบว่าสามารถยับยั้งการขบวนการอักเสบได้ โดยการไปยับยั้งที่เอ็นไซม์ delta-5-desaturase นอกจากนั้นยังสามารถยับยั้งการสร้าง และออกฤทธิ์ของสารสื่ออักเสบ ชนิด Imterleukin-1 Beta และTumor Necrosis Factor-Alpha
เซซามินSesamin ช่วยลดทั้งการสังเคราะห์ และการดูดซึมสารโคเลตเตอรอล
เซซามินSesamin สามารถทำให้เซลล์มะเร็งเข้าสู่กระบวนการ Apoptosis หรือขบวนการทางชีวเคมีที่ทำให้เซลล์มะเร็งตาย
เซซามินSesamin สามารถยับยั้งการลุกลาม หรือขบวนการAngiogenesis ของมะเร็งบางชนิดได้
เซซามินSesamin กระตุ้นให้มีการสร้างสาร Interleukin-2(IL-2)และ InterFeron-Gamma(IFN-Gamma)จากเม็ดเลือดขาว
เซซามินSesamin ช่วยดูแลระดับไขมันในเลือด
เซซามินSesamin ทำหน้าที่ช่วยเผาผลาญกรดไขมันผ่าน beta-Oxsidation
เซซามินSesamin ช่วยการทำงานของวิตามินE ชะลอวัย
เซซามินSesamin ทานได้ต่อเนื่องปลอดภัย ไม่สะสมในร่างกาย
ต่อยอดงานวิจัยสู่ผลิภัณฑ์ที่มีส่วยผสมจาก แป้งข้าวหอมมะลิ รำข้าวสีนิลและเซซามินSesamin ที่มีความเข้มข้นของสารเซซามินเพื่อผลลัพธ์ที่ชัดเจนขึ้น
ใครบ้างที่ควรทานเซซามินSesamin
-ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพและป้องกันความเสี่ยง
-ผู้ป่วยโรคตับเรื้อรัง ที่ต้องทานยามาตลอดหลายปี
-ผู้ที่เตรียมตัวเข้ารับเคมีบำบัด รับการฉายแสง
-ผู้ที่แพ้เคมีบำบัด ทานอาหารไม่ได้ ท้องผูก แพ้
-ผู้สูงอายุต้องการทานเพื่อดูแลป้องกันข้อเสื่อม
-ผู้ป่วยที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง และ
ส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงช่วยลดความเสี่ยง
สอบถามข้อมูลผลิตภัณฑ์