#มะเร็งเต้านม #เต้านมอักเสบ #ก้อนเนื้อที่เต้า
โรคมะเร็งเต้านม(Breast Cancer) ภัยร้ายไกล้ตัวที่ควรระวัง คร่าชีวิตติดอันดับต้นๆ ซึ่งเกิดจากการผิดปกติของเซลล์ที่อยู่ภายในท่อน้ำนมหรือต่อมน้ำนม เกิดแล้วขยายเร็วมาก
ต้องเผชิญกับการรักษาที่ยาวนาน
ปัญหาหลัก เรื่องอาหารการกินที่ถูกสุขลักษณะ และพฤติกรรมการใช้ชีวิตเป็นสิ่งสำคัญ
แต่มักไม่มีใครคำนึงถึงเพราะของดีมักไม่อร่อย จึงต้องตามใจปาก อาหารที่มีความเสี่ยงเช่น อาหารสำเร็จรูป ทานง่ายแต่ไม่ปลอดภัยเมื่อทานบ่อยเกินไป
วัถุดิบในการประกอบอาหารล้วนมีแต่สารปนเปื้อน
ปัญหาเรื่องการออกกำลังกายยิ่งทำยาก
ปัญหาของลำไส้ถ้าปล่อยให้ท้องผูกเมื่อไร มีปัญหาทันที เพราะสมองที่สองของเราคือลำไส้ ถ้าระบบขับถ่ายไม่สมดุล ส่งผลเสียต่อการทำงานของตับ ปอด ไต และสมอง
ทุกวันนี้จึงมีแต่ผู้ป่วยโรคมะเร็งเยอะมาก และโรคมะเร็งที่คร่าชีวิตผู้หญิงไทยเป็นอันดับต้นๆ คือโรคมะเร็งเต้านม(Breast Cancer)
มะเร็งเต้านม คือความผิดปกติของเซลล์ในเต้านมหรือเซลล์ท่อน้ำนมโดยเฉพาะ เซลล์มะเร็งเมื่อเกิดแล้วจะเจริญเติบโตเร็วผิดปกติ และแพร่กระจายไปยังเซลล์เนื้อเยื่ออื่นๆไกล้เคียงโดยผ่านทางเดินน้ำเหลือง
จากการศึกษาวิจัยพบว่า ผู้หญิงที่เลี้ยงลูกด้วยการให้นมบุตรเอง จะมีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมน้อยกว่าผู้หญิงที่ไม่มีบุตร ทานยาคุมกำเนิดเป็นเวลานาน
ปัจจัยเสี่ยงที่ก่อให้เกิด"มะเร็งเต้านม"
เพศ ผู้หญิงเรามีความเสี่ยงเป็นมะเร็งเต้านมมากกว่าผู้ชายเป็น100เท่า
ฮอร์โมนเพศ ผู้หญิงที่มีประจำเดือนเร็วหรือตั้งแต่อายุน้อย และหมดประจำเดือนช้ากว่าคนอื่น ร่างกายจะได้รับฮอร์โมนโปรเจสเตอโรนและเอสโตรเจนมากกว่าคนอื่น จึงมีความเสี่ยงมะเร็งเต้านม
อายุ เมื่ออายุมากขึ้น ฮอร์โมนมีการเปลี่ยนแปรงจึงเสี่ยงต่อมะเร็งเต้านมมากขึ้น
เนื้อเยื่อและต่อมน้ำนมหนาแน่น ทำให้โครงสร้างเนื้อเยื่อหนาแน่น มีความเสี่ยงมะเร็งเต้านม และการตรวจด้วยแมมโมแกรมก็ยากขึ้น
ความอ้วน เพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านมมากยิ่งขึ้น
มีประวัติเคยป่วยมะเร็งเต้านม มีความเสี่ยงที่จะกลับมาเป็นอีก
พันธุกรรม ถ้าคนในครอบครัวมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านม มีโอกาสถ่ายทอดหรือส่งต่อคนในครอบครัว
แอลกอฮอล์ ผู้หญิงที่ดื่มแอลกอฮอล์มีความเสี่ยงมะเร็งเต้านมมากว่า คนที่ไม่ได้ดื่ม
ควันบุหรี่ ถึงแม้ไม่ได้สูบบุหรี่แต่ได้รับควันบุรี่บ่อยๆนานวันอาจเพิ่มความเสี่ยงมะเร็งเต้านมได้
เคยเป็นหนึ่งข้าง ถ้าเคยมีประวัติเป็นมะเร็งเต้านมแล้วหนึ่งข้าง ก็มีความเสี่ยงที่จะเป็นอีกหนึ่งข้างได้มาก3-4เท่า
ท่านอาจารย์ค้นพบความลับเซซามินที่น่าทึ่ง
เซซามินยับยั้งเซลล์มะเร็งได้อย่างไร
เซลล์มะเร็ง ทุกคนมีเซลล์มะเร็งอยู่ในร่างกาย เซลล์มะเร็งแบ่งตัวเร็วมาก
หลังจากที่เซลล์มะเร็งกระจายตัว มันจะส่งสารไปกระตุ้น
ให้เส้นเลือดงอกเส้นเลือดใหม่ขึ้นมาต่อกับก้อนมะเร็ง เพื่อดูดอาหารมาเลี้ยงก้อนมะเร็งนั้น
จากการศึกษาในหลอดทดลองจากห้องแลปพบว่า
1.สารเซซามิน(Sesamin)ไปปิดกั้นการสร้างเส้นเลือดใหม่ที่จะดูดอาหารไปหล่อเลี้ยงเซลล์มะเร็งทำให้เซลล์มะเร็งอดอาหาร
2.เซซามิน(Sesamin) จะไปกระตุ้นให้ร่างกายสร้างสารIL-2 (สารIL-2ตัวนี้สหรัฐอเมริกายอมรับว่าเป็นสารที่ฆ่าเซลล์มะเร็งได้)
ซึ่งสารIL-2นี้แหละที่มีในเม็ดเลือดขาวหรือภูมิคุ้มกันของเรา เซซามินSesamin จะเข้าไปกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันจักการเซลล์มะเร็ง
ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น โดยไปกระตุ้นบยเซลล์ผิวแล้วส่งสัญญาณเข้าไปภายในเซลล์มะเร็ง มันถูกยับยั้งโดย
เซซามิน(Sesamin)เป็นงานวิจัยระดับโมเลกุลอธิบายถึงกลไกภายในเซลล์
3.เซซามิน(Sesamin)ยังไปทำให้เซลล์มะเร็งตาย ทุกๆเซลล์ในร่างกายเราจะมีโปรแกรมการเกิดและตาย มีอายุทุกเซลล์
แต่เซลล์มะเร็งไม่มีโปรแกรมการตาย มันสามารถมีอายุมีการเจริญเติบโตและขยายอย่างเดียว
แต่เซซามิน(Sesamin)สามารถเข้าไปแก้ไขโปรแกรมให้เซลล์มะเร็งเข้าสู่ Program Cell Death หรือที่เราเรียกว่า
เซลล์มะเร็งเข้าสู่กระบวรการตาย
ผลวิจัยเซซามินกับมะเร็งเต้านม
คลิกอ่านที่ภาพ
สารสกัดเซซามินSesamin เข้าไปยับยั้งการทำงานของสารสื่ออักเสบชนิดIL-1 Beta โดยทีมนักวิจัยได้ทำการวิจัยในเซลล์กระดูกอ่อนที่กูกกระตุ้นด้วยIL-1 Beta และเซซามิน โดยทำการศึกษาในระดับโมเลกุล พบว่าสารเซซามินสามารถเข้าไปยับยั้งการออกฤทธิ์ของสารสื่ออักเสบ ชนิดIL-1 Beta ได้ จึงทำให้มีการลดลงของเอ็นไซม์MMp13 ที่ไปย่อยสลายคอลลาเจนและสารโมเลกุลอื่นในกระดูกอ่อนได้อย่างชัดเจน
สารเซซามินเข้าไปลดปริมาณการสร้าง หรือ สังเคราะห์ของสารสื่ออักเสบชนิดInterleukin-1 Beta และ Tumor Necrosis Factor-Alpha ได้ ผลจากการศึกษาวิจัย
โดยการกระตุ้นเม็ดเลือดขาว ด้วยเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ H1N1ซึ่งเป็นผลทำให้มีการหลั่งสารสื่ออักเสบเป็นจำนวนมาก แต่เมื่อได้รับสารเซซามินSesamin ร่วมด้วย ปรากฏว่ามีการหลั่งสารสื่ออักเสบชนิด IL1-Betaลดลงอย่างชัดเจน ดังภาพแสดงในกราฟ
เมื่อทำการศึกษาวิจัยในอาสามัคร โดยให้กินแคปซูลงาดำ รำข้าวสีนิลและแป้งข้าวหอมมะลิ ที่ผ่านกระบวนการนึ่งพิเศษ ขนาดบรรจุ 500 mg.จำนวน 2 แคปซูลตอนเช้าและตอนเย็น 2 แคปซูล เป็นระยะเวลา 15 วัน เพื่อทำการตรวจสอบการแสดงออกของยีนต์ที่สร้างสารชีวโมเลกุลชนิด Interleukin-2(IL-2)และInterferon Gamma ซึ่งเป็นสารชีวโมเลกุลที่ผลิตขึ้นจากเม็ดเลือดขาว ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยกระตุ้นให้ภูมิคุ้มกันเพิ่มมากขึ้น ซึ่งผลปรากฏว่าสามารถเพิ่มของCytokinesทั้งสองชนิดในเลือดอาสาสมัครทุกคน ดังแสดงในกราฟ
จากการศึกษาวิจัยในห้องปฏิบัติการทางชีวเคมี ในสัตว์ทดลองและในคน พบกลไกการออกฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของหรือฤทธิ์ทางยา ของสารเซซามินsesamin
สรุปดังนี้
เซซามินSesamin เป็นสารธรรมชาติ ต้านอนุมูลอิสระและภาวะ Oxidative Stress
เซซามินSesamin ต้านการอักเสบ(Anti-inflammation)โดยพบว่าสามารถยับยั้งการขบวนการอักเสบได้ โดยการไปยับยั้งที่เอ็นไซม์ delta-5-desaturase นอกจากนั้นยังสามารถยับยั้งการสร้าง และออกฤทธิ์ของสารสื่ออักเสบ ชนิด Imterleukin-1 Beta และTumor Necrosis Factor-Alpha
เซซามินSesamin ช่วยลดทั้งการสังเคราะห์ และการดูดซึมสารโคเลตเตอรอล
เซซามินSesamin สามารถทำให้เซลล์มะเร็งเข้าสู่กระบวนการ Apoptosis หรือขบวนการทางชีวเคมีที่ทำให้เซลล์มะเร็งตาย
เซซามินSesamin สามารถยับยั้งการลุกลาม หรือขบวนการAngiogenesis ของมะเร็งบางชนิดได้
เซซามินSesamin กระตุ้นให้มีการสร้างสาร Interleukin-2(IL-2)และ InterFeron-Gamma(IFN-Gamma)จากเม็ดเลือดขาว
เซซามินSesamin ช่วยดูแลระดับไขมันในเลือด
เซซามินSesamin ทำหน้าที่ช่วยเผาผลาญกรดไขมันผ่าน beta-Oxsidation
เซซามินSesamin ช่วยการทำงานของวิตามินE ชะลอวัย
เซซามินSesamin ทานได้ต่อเนื่องปลอดภัย
ใครบ้างที่ควรทานเซซามิน
-ผู้ที่ต้องการดูแลสุขภาพและป้องกันความเสี่ยง
-ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ที่ต้องทานยามาตลอดหลายปี
-ผู้ที่เตรียมตัวเข้ารับเคมีบำบัด รับการฉายแสง
-ผู้ที่แพ้เคมีบำบัด ทานอาหารไม่ได้ ท้องผูก แพ้
-ผู้สูงอายุต้องการทานเพื่อดูแลป้องกันข้อเสื่อม
-ผู้ป่วยที่ต้องการฟื้นฟูร่างกายให้แข็งแรง และ
ส่งเสริมภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงช่วยลดความเสี่ยง
ปัจจุบันผลงานวิจัยได้จดสิทธิบัตรเรียบร้อยแล้ว
มีผลลัพธ์จากการบริโภคเซซามินSesamin
มากกว่า10ปี
กิน ดีกว่า ไม่กิน อาจารย์กล่าว
ป้องกันดีกว่าแก้ นะค่ะ